สารบัญ
- เทรนด์ vs กระแสมาแรง: วัฒนธรรมไว vs วัฒนธรรมยืนระยะ
- ทำไมบริบทจึงสำคัญ: ก้าวข้ามกระแสฮิตชั่วคราวและ “Trendwashing”
- วิธีแยกแยะเทรนด์ที่แท้จริง (และไม่ให้สัญญาณรบกวนจากไวรัลบดบัง)
- จากกระแสชั่วคราวบน TikTok สู่เทรนด์ทางวัฒนธรรม: ตัวอย่างที่เกิดขึ้นจริง
- ภาพรวมเชิงกลยุทธ์: การระบุเทรนด์ด้วยอินไซต์เชิงวัฒนธรรม
ในโลกของ TikTok ที่เปลี่ยนเร็ว การแยกแยะระหว่าง โมเมนต์ไวรัลชั่ววูบ กับ เทรนด์ที่มีนัยสำคัญ เป็นเรื่องที่สับสนได้ง่าย แบรนด์ส่วนใหญ่มักไล่ตามสิ่งที่ “กำลังเป็นกระแส” บนโซเชียล และระหว่างนั้นก็มักหลงประเด็นว่าแท้จริงแล้วเทรนด์หมายถึงอะไร การเกาะกระแสชาเลนจ์หรือมีมที่ไวรัลบน TikTok อาจสร้างเอนเกจเมนต์ระยะสั้นได้ก็จริง แต่โมเมนต์ที่กำลังมาแรงมักเป็นสิ่ง ชั่วคราว—ท่าเต้นหรือแฮชแท็กที่ดังวันนี้อาจถูกลืมในสัปดาห์หน้า ความท้าทาย (และโอกาส) ที่แท้จริงของนักการตลาดและนักกลยุทธ์แบรนด์ คือการเรียนรู้ที่จะ แยกให้ออกระหว่างกระแสฮิตชั่วคราว กับเทรนด์ทางวัฒนธรรมที่กำลังก่อตัว ซึ่งบ่งชี้การเปลี่ยนแปลงเชิงลึกในทัศนคติของผู้บริโภค
กำลังเป็นกระแส vs. เทรนด์ vs. กระแสชั่วคราว: ทำไมจึงสำคัญ
- Trending = สิ่งที่มองเห็นได้ในระดับผิวเผิน—การพุ่งขึ้นของความสนใจตามกลไกอัลกอริทึม
- เทรนด์ = การเปลี่ยนแปลงที่ลึกซึ้งและคงอยู่ยาวนานในพฤติกรรมหรือค่านิยม
- Fad = กระแสมาแรงแบบฉาบฉวย อายุสั้น และแทบไม่ส่งผลระยะยาว
แม้คำเหล่านี้จะดูคล้ายกัน แต่ความต่างสำคัญอยู่ที่ระดับผลกระทบต่อพฤติกรรมผู้บริโภคและวัฒนธรรม ความเร็วในการสร้างโมเมนตัม และความเร็วที่กระแสจะเลือนหายไป การเข้าใจความแตกต่างเหล่านี้ช่วยให้แบรนด์หลีกเลี่ยงความผิดพลาดเชิงกลยุทธ์ เช่น การทุ่มงบทำแคมเปญราคาแพงที่ผูกกับกระแสอารมณ์ซึ่งมีแนวโน้มจะจางหายอย่างรวดเร็ว
เทรนด์ vs กระแสมาแรง: วัฒนธรรมไว vs วัฒนธรรมยืนระยะ
การแยก “เทรนด์” ออกจากเพียง “หัวข้อที่กำลังติดเทรนด์” เริ่มจากการทำความเข้าใจความแตกต่างระหว่าง วัฒนธรรมแบบเร็ว และ วัฒนธรรมแบบช้า “วัฒนธรรมแบบเร็ว” คือกระแสระยะสั้นที่เปลี่ยนไว ขับเคลื่อนด้วยโซเชียลมีเดียและป๊อปคัลเจอร์ ขณะที่ “วัฒนธรรมแบบช้า” ครอบคลุมกระแสทางวัฒนธรรมที่ลึกและยืนระยะ ซึ่งค่อยๆ พัฒนาในช่วงเวลาที่ยาวกว่า วิดีโอไวรัล แฮชแท็ก และคลิปเสียงที่ฮิตบน TikTok คือตัวอย่างชัดเจนของวัฒนธรรมแบบเร็ว—พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วและมักจางหายเร็วพอๆ กัน แต่ภายใต้จุดพีกของความนิยมเหล่านั้น อาจมีกระแส วัฒนธรรมแบบช้า ที่ยืนระยะและเติบโตต่อเนื่องเมื่อเวลาผ่านไป
กระแส ≠ เทรนด์: ตามที่ Kim Townend ผู้เชี่ยวชาญด้าน social listening กล่าวไว้ในบทความของ Exolyt ว่า “การมองเทรนด์แบบแยกส่วนให้ข้อมูลเชิงลึกได้ไม่มาก แต่เมื่อพิจารณาหัวข้อที่กำลังเป็นกระแสในช่วงเวลาต่อเนื่อง เราจะเห็นรูปแบบและจุดร่วมได้ชัดเจนขึ้น”
กล่าวอีกนัยหนึ่ง แฮชแท็ก TikTok ที่พุ่งขึ้นในสัปดาห์นี้อาจเป็นเพียงสัญญาณชั่วคราว แต่หากสังเกตเห็นธีมที่เกี่ยวข้องเกิดซ้ำต่อเนื่องข้ามหลายเดือนหรือหลายคอมมูนิตี้ เราอาจกำลังเห็นเทรนด์ทางวัฒนธรรมที่แท้จริง การดูแค่อะไรที่กำลังติดเทรนด์บน TikTok ยังไม่พอ—เราต้องเชื่อมโยงโมเมนต์ไวรัลเหล่านั้นเข้ากับ ภาพใหญ่ ของแรงขับทางวัฒนธรรมแบบค่อยเป็นค่อยไปที่กำลังกำหนดพฤติกรรมผู้บริโภค
ตัวอย่างเช่น “Cozy Culture” กลายเป็นเทรนด์บน TikTok ที่นำเสนอคอนเทนต์และบรรยากาศที่ให้ความสบาย (นึกถึงแสงไฟโทนอุ่น มุมเล่นเกมที่อบอุ่นสบาย หรือธีม Pumpkin Spice ตามฤดูกาล) ในมุมมองภายนอก คอนเทนต์แนว “cozy” มักไวรัลเป็นระลอกตามฤดูกาล (ปรากฏการณ์วัฒนธรรมแบบเร็วและระยะสั้น) แต่ ความรู้สึกอบอุ่นสบาย ยังแตะความต้องการที่ยั่งยืนของผู้บริโภคต่อความสบายและความโหยหาอดีต (nostalgia) ซึ่งสะท้อนการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมที่ค่อยเป็นค่อยไป
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับปรากฏการณ์ทางวัฒนธรรมนี้ในบล็อกของเรา: จะใช้ Social Listening เพื่อระบุเทรนด์ทางวัฒนธรรมได้อย่างไร?
ทำไมบริบทจึงสำคัญ: ก้าวข้ามกระแสฮิตชั่วคราวและ “Trendwashing”
การไล่ตามทุกกระแสฮิตบน TikTok อาจดูน่าดึงดูด แต่การทำแบบไร้ข้อมูลและบริบทประกอบเป็นความเสี่ยง การเกาะกระแสมีมหรือท่าเต้นโดยไม่เข้าใจบริบท อาจนำไปสู่สิ่งที่ Marek Tabota นักกลยุทธ์โซเชียลมีเดีย เรียกว่า “trendwashing” – การเลียนแบบกระแสแบบผิวเผินที่ผู้ชมจับได้ทันทีว่าไม่จริงใจและไม่เป็นธรรมชาติ
ทุกคนอยากเกาะกระแสเทรนด์บน TikTok แต่การหยิบจับสัญญาณทางวัฒนธรรมมาใช้โดยไม่เข้าใจความหมายเชิงลึก มักย้อนกลับมาเป็นผลเสียต่อแบรนด์ สำหรับแบรนด์ บทเรียนชัดเจน: อย่าแค่ติดตามเทรนด์ จงเข้าใจมัน แฮชแท็กหรือเสียงที่กำลังมา อาจสะท้อนสิ่งที่ใหญ่กว่าที่กำลังเกิดขึ้นในโลกของกลุ่มเป้าหมาย—การเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ขัน ค่านิยม หรือความต้องการ—และหากพลาดบริบทนั้น ก็เท่ากับพลาดอินไซต์ที่แท้จริง

คุณค่าที่แท้จริง: อินไซต์เชิงวัฒนธรรมสำคัญกว่าการจับเทรนด์
ตามความเห็นของ ดร. Jillian Ney ผู้ก่อตั้งของ The SI Lab เทรนด์สะท้อนสิ่งที่เป็นที่นิยม ส่วนอินไซต์เชิงวัฒนธรรมอธิบายว่า ทำไม จึงเกิดการเชื่อมโยง—ครอบคลุมความเชื่อ แรงจูงใจ และการเปลี่ยนแปลงอัตลักษณ์ อีกทั้งย้ำให้ฟังให้ลึกกว่าตัวชี้วัด: ตั้งคำถามว่ารูปแบบที่เห็นสะท้อนความหมายใดจริงๆ เสียงของใครที่ถูกมองเห็น (หรือถูกมองข้าม) และอัลกอริทึมบิดเบือนการมองเห็นอย่างไร
นี่ไม่ใช่สูตรสำเร็จแบบเป็นขั้นตอน—แต่คือกรอบความคิด ซึ่งต้องยอมรับความซับซ้อน อยู่กับความไม่ชัดเจน และให้คุณค่ากับ thick data (คำของ Tricia Wang)—เรื่องเล่าที่อุดมด้วยบริบทเชิงลึกเบื้องหลังบทสนทนาบนโซเชียล ที่มา.
Eugene Healey: บริบทสำคัญที่สุด
Eugene Healey เตือนเราไว้ว่า: การตกแต่งภาพลักษณ์แบรนด์ให้ดูไวรัลไม่ใช่กลยุทธ์—และอาจดูไร้แก่นสาร ใน บทความ จาก Guardian, เขาชี้ว่าสไตล์ดิบ ไม่ผ่านการขัดเกลาของ Gen Z (เช่น โพสต์ “bedrotten”) ได้กลายเป็นสไตล์ที่ถูกขัดเกลาเป็นสูตรสำเร็จของตัวเอง—จนขาดความจริงแท้ และเมื่อแบรนด์หยิบสไตล์ “ดิบและไม่กรอง” ไปใช้บนโซเชียล ก็ไม่มีอะไรจะดูไม่จริงแท้ ไปกว่าบริษัทข้ามชาติที่มีมูลค่าตลาดระดับพันล้านดอลลาร์ที่แสร้งทำตัวเป็นวัยรุ่นผู้เบื่อหน่าย แต่นั่นก็กำลังเกิดขึ้นจริง ในมุมมองของเขา การเข้าถึงความจริงแท้ต้องอาศัยการทำความเข้าใจและการเฝ้าติดตามวัฒนธรรมอย่างใกล้ชิด
ในบทความที่ทำร่วมกับ Exolyt เขาได้แบ่งปันมุมมองถึงทั้งความท้าทายและโอกาสในการรับมือกับวงจรคอนเทนต์บน TikTok ที่หมุนเร็วมาก อัลกอริทึมของ TikTok ได้เปลี่ยนวิธีที่เรารับรู้และมีส่วนร่วมกับเทรนด์—แม้ทุกอย่างจะดูเหมือนเป็นเทรนด์ แต่ไม่ใช่ทุกอย่างที่คุ้มค่าต่อการลงทุน ดังนั้นอย่ามองว่าเทรนด์คือทางลัดในการสร้างเอ็นเกจเมนต์ หากไม่สอดคล้องกับอัตลักษณ์แบรนด์ เทรนด์จะดูผิวเผิน ไม่ได้ชาญฉลาด
ต่อไปนี้คือไฮไลต์สำคัญจากวิดีโอของเขา:
- รู้ให้ชัดว่ากำลังติดตามอะไร
ไม่ใช่ทุกแฮชแท็กที่ติดเทรนด์หรือวิดีโอไวรัลจะบ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมจริงเสมอไป การแยกแยะให้ชัดเจนระหว่างกระแสชั่วคราวกับบทสนทนาที่อาจกำหนดพฤติกรรมผู้บริโภคได้ เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง
- ใช้เครื่องมือกรองข้อมูลรบกวน
Eugene เน้นย้ำความสำคัญของเครื่องมือ Social Listening ตัวอย่างเช่น Exolyt ติดตามและทำแผนที่บทสนทนาที่เกี่ยวข้อง เพื่อช่วยแยกแยะเทรนด์ที่เกี่ยวข้องและมีนัยสำคัญออกจากมีมที่เป็นเพียงกระแสชั่วคราว
- ทำแผนที่ระบบนิเวศเทรนด์
ดังที่กล่าวไว้ การทำความเข้าใจว่าเทรนด์เชื่อมโยงกับหมวดหมู่ที่กว้างกว่าอย่างไร จะช่วยให้แบรนด์ปรับข้อความสื่อสารและการจัดสรรทรัพยากรให้สอดคล้องได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะก่อนจะลงทุนทรัพยากร คุณจำเป็นต้องรู้ว่ากระแสการพูดคุยนั้นจะยืนยาวพอหรือไม่
- เปลี่ยนจากการตอบสนองเฉพาะหน้า สู่การวางกลยุทธ์
เมื่อระบุเครือข่ายการสนทนาเชิงลึกได้ แบรนด์สามารถตัดสินใจบนฐานข้อมูลว่า จะเข้าไปมีส่วนร่วมที่ใด ร่วมมือกับใคร และวางกลยุทธ์คอนเทนต์ระยะยาวอย่างไร
วิธีแยกแยะเทรนด์ที่แท้จริง (และไม่ให้สัญญาณรบกวนจากไวรัลบดบัง)
การแยกแยะว่าเทรนด์ใดจะยืนระยะได้จริงกับกระแสชั่วคราว ต้องอาศัยแนวทางเชิงกลยุทธ์ที่ขับเคลื่อนด้วยการวิจัยและข้อมูล Social Listening และการวิเคราะห์บริบททางวัฒนธรรมคือเครื่องมือหลักในงานนี้ ต่อไปนี้คือ ขั้นตอนเชิงปฏิบัติ และเกณฑ์พิจารณา เพื่อช่วยแยกเทรนด์ที่แท้จริงออกจากสิ่งที่แค่กำลังติดเทรนด์บน TikTok:
- มองหาความเชื่อมโยงระหว่างคอมมูนิตี้:
วิธีประเมินเบื้องต้นอย่างรวดเร็วจือดูว่า การมีส่วนร่วม กว้างและหลากหลายเพียงใด หากแฮชแท็กหรือธีมปรากฏครอบคลุม หลายคอมมูนิตี้ หรือ ซับคัลเจอร์บน TikTok ก็สะท้อนถึงความสำคัญในวงกว้าง ยิ่งมีกลุ่มที่แตกต่างหลากหลายรับเอาแท็กหรือมีมไปใช้มากขึ้นตามเวลา ก็ยิ่งมีแนวโน้มว่าจะเป็นเทรนด์ทางวัฒนธรรม มากกว่ากระแสเฉพาะกลุ่มชั่วคราว
ตัวอย่างเช่น หากแฮชแท็กแฟชั่นถูกใช้ไม่เพียงในหมู่คนรักแฟชั่น แต่ยังพบในคอนเทนต์เพลง เกม และอาหาร นั่นสะท้อนว่ามันกำลังเชื่อมโยงกับวัฒนธรรมกระแสหลัก ในทางกลับกัน หัวข้อที่ติดเทรนด์ซึ่งจำกัดอยู่ในกลุ่มย่อยบน TikTok อาจหมดกระแสในสัปดาห์หน้า.
เคล็ดลับ: ติดตามแฮชแท็กต่อเนื่องหลายเดือน — กระแสชั่วคราวมักจางหายเร็ว ขณะที่เทรนด์จริงจะปรากฏซ้ำๆ และในหลากหลายบริบท คุณยังสามารถติดตาม Exolyt Hashtag Relations Graph เพื่อดูว่าหัวข้อย่อยที่สร้างแรงส่งให้เทรนด์หลักปรากฏในบทสนทนาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ และมีการพูดถึงมากน้อยเพียงใด.

แหล่งที่มา: Exolyt Hashtag Relations เช่น #BookTok
- จับตารูปแบบและธีมที่พบร่วมกัน:
อย่าดูแค่ยอดวิว; ให้มองหา ธีมหรือโทนและสไตล์ ที่เกิดซ้ำ. คุณสังเกตเห็นโทน ข้อความ หรือภาพที่คล้ายกันในวิดีโอที่กำลังติดเทรนด์หลายชิ้นหรือไม่? มีคำสแลง ท่อนเพลง หรือสไตล์บางแบบที่ปรากฏซ้ำๆ หรือเปล่า? รูปแบบเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณของกระแสที่ลึกกว่า นักวิเคราะห์คนหนึ่งชี้ว่า การอยู่ “ออนไลน์” อย่างใกล้ชิดและไวต่อความแตกต่างเล็กๆ เหล่านี้ ช่วยเชื่อมโยงจุดต่างๆ ให้เห็นภาพใหญ่ และเข้าใจการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมในวงกว้างที่เป็นแรงขับเคลื่อนของกระแสเหล่านั้นได้ง่ายขึ้น
ตัวอย่างเช่น การที่คอนเทนต์ DIY และทริกแฟชั่นแบบอัปไซเคิลบน TikTok แพร่หลาย อาจสะท้อนเทรนด์ที่ใหญ่กว่าด้านความยั่งยืนและการต่อต้านบริโภคนิยมในกลุ่มคนรุ่นใหม่ แม้ว่าเทรนด์วิดีโอแต่ละประเภท (เช่น การแปลงเสื้อผ้ามือสอง thrift flips, การพาชมตู้เสื้อผ้า closet tours เป็นต้น) จะดูแยกจากกัน แต่ทั้งหมดมีค่านิยมร่วม ดังนั้นควรมองหา จุดร่วม ในเหตุผลที่ผู้คนมีส่วนร่วมกับคอนเทนต์บางประเภท: เป็นเรื่องการแสดงตัวตน ความโหยหาอดีต (nostalgia) ความเป็นขบถ หรือความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของคอมมูนิตี้หรือไม่? จุดร่วมเหล่านี้เป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงเทรนด์ที่อยู่เบื้องหลัง
- ประเมินการยืนระยะและการปรากฏตัวข้ามแพลตฟอร์ม:
สัญญาณสำคัญอย่างหนึ่งของเทรนด์ที่แท้จริง คือมันสามารถ อยู่ต่อเนื่อง และขยายตัวไปมากกว่าหนึ่งแพลตฟอร์ม. หากบางสิ่งกำลังมาแรงบน TikTok และคุณเห็นสัญญาณไปปรากฏบน Instagram, X (เดิม Twitter), YouTube หรือในปริมาณการค้นหาบน Google นั่นบ่งชี้ว่ามันมีศักยภาพในการเติบโตและคงอยู่ต่อเนื่อง เกินกว่ากระแสชั่วคราวบน TikTok. ในทางกลับกัน หากปรากฏการณ์นั้นดัง เฉพาะ บน TikTok และเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน ก็มีแนวโน้มจะเป็นเพียงกระแสวูบวาบชั่วคราว.
วิเคราะห์ว่าประเด็นนี้ก่อตัวมานานแค่ไหน: ประเด็นหรือแฮชแท็กนี้ถูกพูดถึงต่อเนื่องเกินไม่กี่สัปดาห์แล้วหรือไม่? ความสนใจที่พุ่งขึ้นเป็นช่วงๆ เกิดซ้ำตามฤดูกาล หรือเติบโตขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป? เทรนด์ที่ก่อตัวสม่ำเสมอมาราวหนึ่งปี (แม้มีขึ้นๆ ลงๆ) และยังคงเป็นขาขึ้น มักบ่งชี้ว่าเป็นเทรนด์ทางวัฒนธรรมจริง นอกจากนี้ ตรวจสอบว่ามีการค้นหาบน Google หรือมีการพูดคุยบน Reddit หรือไม่—หากปริมาณการค้นหาเพิ่มขึ้นหรือมีการพูดถึงข้ามแพลตฟอร์มมากขึ้น โดยทั่วไปหมายความว่าเทรนด์นั้นสะท้อนความสนใจในวงกว้าง ไม่ใช่เพียงความบังเอิญจากอัลกอริทึมของ TikTok

คุณสามารถใช้ Exolyt เพื่อติดตามอัตราการเติบโตทั้งย้อนหลังและปัจจุบันของทุกหัวข้อบน TikTok ได้ตลอดเวลา การวิเคราะห์ Hashtag Exact Growth ของ Exolyt ให้ตัวเลขที่แม่นยำว่าการเติบโตของแฮชแท็กเป็นเท่าใด ทั้งในมิติยอดวิว จำนวนโพสต์ และเอนเกจเมนต์ แบบรายวันย้อนหลัง
- วิเคราะห์เหตุผล (ใส่บริบทให้เทรนด์):
เมื่อคุณระบุเทรนด์ที่กำลังก่อตัวได้แล้ว ให้ลงลึกเพื่อทำความเข้าใจบริบทและปัจจัยขับเคลื่อน นี่คือจุดที่การทำ Social Listening และการวิเคราะห์ข้อมูลเข้ามามีบทบาท รวบรวมข้อมูลว่าผู้คนพูดถึงเทรนด์นี้อย่างไร: พวกเขาใช้ถ้อยคำหรือภาษาแบบใด? เซนทิเมนต์หรือแรงจูงใจอะไรที่สะท้อนออกมา?
แทนที่จะพึ่งพา AI หรือแดชบอร์ดเพียงอย่างเดียวในการบอกว่าเกิดอะไรขึ้น จัดสรรเวลาเพื่อทบทวนคอนเทนต์แบบ เชิงคุณภาพ—อ่านคอมเมนต์ จดบันทึกกรณีตัวอย่างจากผู้ใช้ และสังเกตว่าเทรนด์เปลี่ยนแปลงไปอย่างไร บ่อยครั้งอินไซต์ที่มีคุณค่ามากที่สุดมาจากการเห็นว่าผู้ใช้ตีความเทรนด์อย่างไรด้วยตัวเอง จัดกลุ่มคอนเทนต์หรือบทสนทนาที่เกี่ยวข้องเป็นธีมเพื่อมองภาพรวม (เช่น ผู้คนส่วนใหญ่มีส่วนร่วมกับเทรนด์บน TikTok เพื่ออารมณ์ขัน เพื่อแสดงความเป็นหนึ่งเดียวกัน หรือเพื่อแสดงความคิดสร้างสรรค์?)
เมื่อคุณลงลึกในบทสนทนา คุณจะไม่ได้แค่เห็นว่า อะไร ที่ผู้คนกำลังทำอยู่ แต่จะเข้าใจเหตุผลว่า ทำไมพวกเขาถึงทำแบบนั้น. บริบทนี้จะบอกคุณได้ว่าเทรนด์นั้นเชื่อมโยงกับเรื่องราวทางวัฒนธรรมที่มีความหมาย หรือเป็นเพียงมีมแปลกๆ เท่านั้น
- ระบุความต้องการหรือพฤติกรรมเชิงลึกของผู้บริโภค:
ทุกเทรนด์ที่ยั่งยืน ล้วนขับเคลื่อนด้วยความต้องการ ความกลัว หรือคุณค่าบางอย่างของมนุษย์ที่อยู่เบื้องหลัง ถามให้ชัดว่า: เทรนด์นี้ตอบโจทย์ความต้องการอะไร? อาจเป็นความต้องการความเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน (เช่น แฮชแท็กที่เชื่อมคนในวัฒนธรรมย่อยเข้าหากัน), การแสดงออกถึงตัวตน, การหลีกหนีความจริง, ความแท้จริง ฯลฯ การระบุแรงขับนี้ให้ชัดเจนมีความสำคัญอย่างยิ่ง.
หากพบว่าเทรนด์ย่อยบน TikTok ขับเคลื่อนด้วยค่านิยมอย่าง บอดี้โพสิทีฟ หรือ อิสรภาพทางการเงิน หรือ ความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม คุณไม่ได้กำลังมองแค่เทรนด์เดียว—คุณกำลังเห็นส่วนหนึ่งของ การเคลื่อนไหวทางวัฒนธรรมที่ใหญ่กว่า
ตามคำแนะนำของนักวิจัยเทรนด์ การเข้าใจพฤติกรรมหรือความต้องการที่ยังไม่ได้รับการตอบสนองซึ่งขับเคลื่อนเทรนด์ จะช่วยให้เห็นว่าเทรนด์นั้นสอดรับกับการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมในวงกว้างอย่างไร ตัวอย่างเช่น เทรนด์ไวรัล “#GirlDinner” (ที่ผู้ใช้โพสต์มื้อเย็นแบบจานสแน็กมินิมอล) อาจดูเหมือนเพียงคอนเซ็ปต์ตลกๆ ที่แชร์ต่อกัน แต่ในเชิงลึกอาจสะท้อนการใช้ชีวิตอย่างอิสระ หรือการปฏิเสธบรรทัดฐานมื้ออาหารแบบเคร่งครัด–ประเด็นที่เชื่อมโยงกับบทสนทนาทางวัฒนธรรมที่ใหญ่กว่าว่าด้วยไลฟ์สไตล์และการดูแลตัวเอง เชื่อมโยงทุกเทรนด์กลับไปที่เรื่องราวพื้นฐานของมนุษย์เสมอ
คุณสามารถรับชมเวบินาร์นี้โดย Marek Tobota เพื่อเรียนรู้วิธีแยกแยะกระแสไวรัลชั่วคราวออกจากเทรนด์วัฒนธรรมที่กำลังก่อตัว ซึ่งส่งสัญญาณถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงลึกในทัศนคติของผู้บริโภค
ตลอดทั้งกระบวนการ เครื่องมือ Social Listening และแพลตฟอร์มวิเคราะห์ข้อมูล มีคุณค่าอย่างยิ่ง การติดตามปริมาณคอนเทนต์มหาศาลบน TikTok ด้วยตนเองเป็นเรื่องยาก แต่แพลตฟอร์มอย่าง Exolyt ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยระบุและติดตามเทรนด์เหล่านี้
ตัวอย่างเช่น แดชบอร์ดของ Exolyt ระบุได้ว่าแฮชแท็กและซาวด์บน TikTok ใดกำลังมาแรงแบบเรียลไทม์ และยังไฮไลต์แฮชแท็กที่เกี่ยวข้องหรือคอมมูนิตี้ที่กำลังมีส่วนร่วมด้วย ช่วยให้คุณยืนยันสมมติฐานเรื่องเทรนด์ได้อย่างชัดเจนว่ากำลังกระจายสู่ผู้ใช้วงกว้างจริง หรือเป็นเพียงกระแสในวงจำกัด
อย่างไรก็ตาม โปรดจำไว้ว่า เครื่องมือให้เพียง ข้อมูล—ส่วนการเติมการวิเคราะห์เชิงวัฒนธรรมยังต้องอาศัยวิจารณญาณของคุณ ผู้เชี่ยวชาญท่านหนึ่งเตือนว่า อย่าพึ่งพา AI ในการวิเคราะห์ข้อมูลแทนคุณโดยไม่มีอินพุตหรือบริบทจากคุณ เพราะวิธีนั้นอาจทำให้คุณพลาดอินไซต์ที่ดีที่สุด แทนที่จะทำแบบนั้น ให้ใช้เครื่องมือเพื่อรวบรวมข้อมูล แล้วใช้ความอยากรู้อยากเห็นและความเชี่ยวชาญของมนุษย์ในการตีความ
จากกระแสชั่วคราวบน TikTok สู่เทรนด์ทางวัฒนธรรม: ตัวอย่างที่เกิดขึ้นจริง
บางครั้งความแตกต่างระหว่างกระแสชั่วคราว (fad) กับเทรนด์ (trend) จะเห็นชัดเจนก็เมื่อมองย้อนหลังเท่านั้น พิจารณากรณีต่อไปนี้:
- “Cortisol Matcha”: ดูเผิน ๆ ก็เหมือนสูตรสุขภาพไวรัลทั่วไป แต่เมื่อพิจารณาบริบท ถือเป็นสัญญาณของเทรนด์ผู้บริโภคที่ลึกกว่า: การตระหนักรู้ที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการจัดการความเครียดและสุขภาพฮอร์โมน สูตรฮิตนี้เป็นส่วนหนึ่งของบทสนทนาเรื่องสุขภาพที่กว้างขึ้นในสังคม

Exolyt - บทสนทนาเกี่ยวกับคอร์ติซอลบน TikTok
- กลยุทธ์ที่ขับเคลื่อนด้วย Brand Purpose ของ Patagonia: การเคลื่อนไหวเพื่อสิ่งแวดล้อมไม่ใช่แค่กระแสชั่วคราว การลงมือทำของ Patagonia – ตั้งแต่แคมเปญต่อต้านการบริโภคเกินจำเป็น ไปจนถึงการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง – ตอกย้ำพลังของการสอดคล้องกับคุณค่าทางวัฒนธรรมที่ยืนยาว มากกว่าการไล่ตามสไตล์ภาพลักษณ์ที่มาไวไปไว
- การกลับมาพุ่งแรงของ Marimekko ในโลกดิจิทัล: บน TikTok ลายพิมพ์ของ Marimekko กลายเป็นเทรนด์ด้านภาพ ขณะที่แบรนด์ต่อยอดโอกาสนี้ด้วยการเชื่อมโยงกระแสให้เข้ากับบริบททางวัฒนธรรมที่ลึกยิ่งขึ้น: มรดกความเป็นฟินแลนด์ ความยั่งยืน และความสุขในการแสดงออก.
@marimekko Our Scandi friend @Pernille Rosenkilde on a dreamy summer stroll 🧡 #marimekko #unikko #ootd #ootdinspo #copenhagen #springoutfit #scarvesstyling
♬ CARNAVAL - Cavendish
ตัวอย่างเหล่านี้ตอกย้ำว่า สิ่งที่ กำลังเป็นกระแส บน TikTok สามารถเป็นประตูสู่ อินไซต์ เชิงวัฒนธรรมที่มีนัยสำคัญได้จริง แต่จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเรามองให้ลึกกว่าผิวเผิน เทรนด์จะทรงพลังเมื่อเชื่อมโยงกับกระแสทางวัฒนธรรม (เช่น ความสบายใจ ความแท้จริง ความภาคภูมิใจในอัตลักษณ์ เป็นต้น) และแบรนด์ที่เข้าใจกระแสเหล่านี้จะตอบสนองได้ในแบบที่กลุ่มเป้าหมายรับรู้ได้ถึงความแท้จริง
ภาพรวมเชิงกลยุทธ์: การระบุเทรนด์ด้วยอินไซต์เชิงวัฒนธรรม
ท้ายที่สุด การแยกเทรนด์จริงออกจากกระแสชั่วคราว อยู่ที่การโฟกัสที่ ภาพใหญ่ นักการตลาดและนักกลยุทธ์ควรตระหนักว่า TikTok เป็น กระจกสะท้อนสังคม พอๆ กับที่เป็นแหล่งความบันเทิง เราอยู่ในโลกที่หมุนเร็วอย่างยิ่ง และง่ายต่อการถูกดึงเข้าไปในวัฒนธรรมที่มาไวไปไว แต่สิ่งที่สำคัญกว่าที่เคยคือการระบุเทรนด์ที่มี ศักยภาพระยะยาว และคุ้มค่าต่อเวลาและการลงทุน ในเชิงปฏิบัติ นั่นหมายถึงการใช้ TikTok ไม่ใช่เพียงเพื่อคอนเทนต์ตามเทรนด์ แต่เป็นหน้าต่างสู่วัฒนธรรมของกลุ่มเป้าหมายที่กำลังเปลี่ยนแปลง
เมื่อผสาน Social Listening แบบเรียลไทม์เข้ากับการวิเคราะห์วัฒนธรรมเชิงลึก คุณสามารถคาดการณ์ได้ว่าโมเมนต์ไวรัลใดเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงในวงกว้าง ผลลัพธ์ที่ได้ช่วยชี้นำตั้งแต่กลยุทธ์คอนเทนต์ไปจนถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์
ตัวอย่างเช่น การจับสัญญาณเทรนด์ที่แท้จริงได้ตั้งแต่เนิ่นๆ ช่วยให้กลยุทธ์การตลาดของคุณพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต หรือจุดประกายไลน์สินค้าใหม่ พร้อมทั้งลดความเสี่ยงจากการตามกระแสที่ไม่สร้างผลลัพธ์ อีกด้านหนึ่ง การเข้าใจว่าหัวข้อที่คุณโฟกัส อยู่ตรงไหน ในบริบททางวัฒนธรรม – เหตุผลที่แท้จริงว่าทำไมผู้คนถึงพูดถึงเรื่องนี้ พฤติกรรมของพวกเขากำลังเปลี่ยนไปอย่างไร และพวกเขาคาดหวังอะไรจากแบรนด์ – จะช่วยให้คุณนำหน้าคู่แข่งหนึ่งก้าวในการสื่อสารให้สอดคล้องและตรงใจผู้บริโภค
โดยสรุป “อะไรที่กำลังเป็นเทรนด์” เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น
The real value comes from connecting those spikes in attention to enduring cultural narratives. Trends don’t work in isolation; they are threads in a larger tapestry of social change. As a brand strategist or marketer, your job is to see the whole tapestry, not just the loudest thread. So the next time a TikTok craze catches your eye, enjoy it – but also ask, what is this really about?
การตั้งคำถามให้ถูกจุดและใช้ประโยชน์จาก Social Intelligence จะช่วยให้คุณแยกประเด็นที่สำคัญออกจากเสียงรบกวน และเปลี่ยนกระแสไวรัลให้เป็นกลยุทธ์ที่สร้างผลกระทบทางธุรกิจ ในโลกที่เต็มไปด้วยแดชบอร์ดและข้อมูลล้นมือ อินไซต์เชิงคุณภาพที่เข้าใจบริบทวัฒนธรรมแบบนี้ไม่เพียงมีประโยชน์ แต่ยังทรงพลังถึงขั้นพลิกผลลัพธ์สำหรับผู้ที่ต้องการสร้างแคมเปญที่มีผลกระทบจริง
สำรวจ Exolyt สำหรับการวิจัยบน TikTok ของคุณ
เริ่มทดลองใช้ฟรี 7 วัน หรือติดต่อทีมของเราเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับฟีเจอร์ของแพลตฟอร์มและกรณีการใช้งานที่เป็นไปได้




